ประธานอีซีบีส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยุโรปจะต้องย่ำแย่ลงกว่านี้ก่อนที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกครั้ง หลังอีซีบีไม่มีการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมประจำเดือนมีนาคม
แม้ว่านายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะยอมรับว่า ข้อมูลเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมาของยูโรโซนจะน่าผิดหวัง แต่ยังคงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคจะฟื้นตัวได้ในช่วงหลังของปี ดรากีกล่าวว่า คณะกรรมการอีซีบีมีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่การประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (7 มี.ค.) นับเป็นการประชุมครั้งที่สามติดต่อกันที่อีซีบีปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงโดยไม่มีนโยบายกระตุ้นเพิ่มเติม
ที่ประชุมอีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75% เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน นักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบีคาดหมายว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับ 1.6% ในปีนี้ และ 1.3% ในปี 2557 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของอีซีบีอยู่มาก ก่อให้เกิดคำถามจากนักวิเคราะห์หลายรายว่าเหตุใดอีซีบีจึงไม่ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งที่เศรษฐกิจยูโรโซนไม่มีการเติบโตมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2554 ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดถึงเกือบ 12% โดยเฉพาะแรงงานอายุต่ำกว่า 25 ปีที่มีอัตราว่างงานสูงถึง 2 เท่าของการว่างงานโดยเฉลี่ย
ทั้งนี้ อีซีบีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนจะหดตัว 0.5% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะหดตัว 0.3% โดยดรากีกล่าวว่าเป็นผลสืบเนื่องจากเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนที่หดตัวลงหนักกว่าความคาดหมาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อมูลล่าสุดจะแสดงถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ แต่อีซีบียังคาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี
"แนวโน้มระยะสั้นแสดงถึงการบริโภค การลงทุน และความต้องการภายในที่อ่อนแอ รวมถึงอัตราการว่างงานในระดับสูง แต่ในระยะกลาง เรายังคงมองเห็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวอย่างช้าๆ" นายดรากี กล่าว
การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ แต่เริ่มมีผู้เชี่ยวชาญบางรายที่เชื่อว่าทั้งที่สุดอีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 0.5% แม้แต่ในคณะกรรมการของอีซีบีเอง นายดรากีก็ยอมรับว่ามีบางรายที่เห็นด้วยกับการลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี โยฮันเนส แครีส นักเศรษฐศาสตร์จากนาทิซิส ให้ความเห็นว่า "โดยรวมแล้ว ดรากีดับความหวังของผู้ที่หวังว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในอนาคต โดยแทนที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ยุทธศาสตร์ของอีซีบีดูเหมือนจะเป็นไปในแบบคอยจับตามอง"
แม้ว่าอีซีบีจะไม่มีทีท่าว่าจะปรับนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ดรากียังคงยืนยันว่ามาตรการซื้อพันธบัตรโดยไม่จำกัดมูลค่าที่เรียกว่า Outright Monetary Transactions หรือ OMT ยังคงมีผลบังคับใช้ หลังจากการประกาศมาตรการดังกล่าวเมื่อช่วงปลายปีก่อนสามารถช่วยลดความตื่นตระหนกของตลาดและชะลอการลุกลามของวิกฤติหนี้สาธารณะยูโรโซนได้ แม้ว่าจะยังไม่มีรัฐบาลประเทศใดมาขอความช่วยเหลือจากอีซีบีให้ดำเนินการซื้อพันธบัตรก็ตาม
ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในอิตาลีที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้นักวิเคราะห์กังวลว่าการประกาศมาตรการซื้อพันธบัตรของอีซีบีอาจจะไม่เพียงพอสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้อีกต่อไป อย่างไรก็ดีผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลียังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงกลางปีก่อนที่พุ่งขึ้นถึงกว่า 6.5% อยู่มาก
ผู้เชี่ยวชาญบางรายให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้สองประการที่ทำให้สถานการณ์ของตลาดพันธบัตรอิตาลีไม่เลวร้ายลง คือนักลงทุนเชื่อว่าท้ายที่สุดอิตาลีจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมได้สำเร็จและดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไปตามที่อีซีบีและเยอรมนีเรียกร้อง หรืออีกประการหนึ่งคือนักลงทุนเชื่อว่าอีซีบีจะเข้าไปแทรกแซงไม่ให้ตลาดพันธบัตรของอิตาลีทรุดลง แม้ว่าอิตาลีจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลและต้องเจรจาขอรับความช่วยเหลือจากยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม นายดรากีย้ำชัดว่า อีซีบีจะไม่ผ่อนผันเงื่อนไขของมาตรการซื้อพันธบัตร ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลจะต้องยอมรับเงื่อนไขและการตรวจสอบที่เข้มงวดจากภายนอก ก่อนที่อีซีบีจะเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ OMT ทั้งนี้ดรากีไม่แสดงความวิตกว่าปัญหาการเมืองในอิตาลีจะนำไปสู่การล้มเลิกมาตรการรัดเข็มขัด "อิตาลี เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ควรเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างและต่อยอดการจัดระเบียบทางการคลังที่ทำมาได้เป็นอย่างดีแล้ว" นายดรากี กล่าว
แหล่งที่มา: www.thanonline.com